วันที่ผมหลงทาง(จากเจ้าของ) - วันที่ผมหลงทาง(จากเจ้าของ) นิยาย วันที่ผมหลงทาง(จากเจ้าของ) : Dek-D.com - Writer

    วันที่ผมหลงทาง(จากเจ้าของ)

    เมื่อชีวิตต้องพลิกผัน แม้เพียงชั่วไม่กี่วัน หมาอย่างผมก็ไม่อยากเป็นคน

    ผู้เข้าชมรวม

    1,903

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.9K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 พ.ค. 48 / 19:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      .
                          สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัว ผมชื่อเดเนียล รูปร่างสันทัด ตัวไม่ผอม ไม่อ้วน ไขมันกำลังดี เป็นที่ต้องการของสาวๆ ในละแวกบ้าน แต่ตอนนี้สาวๆเหล่านั้นอาจกำลังเป็นห่วงผม เพราะตอนนี้ผมหลงทางระหว่างที่ผู้ปกครองพาผมมาทำการรักษาโรคผิวหนังบางชนิดที่เกิดจากแมลงตัวน้อยๆ ทีคอยเกาะกินเลือดของผม ระหว่างที่คุณหมอจับผมขึ้นไปบนเตียง ผมดิ้นครับ หลุดจากเชือกที่คอยมัดผมไว้ ผมวิ่งออกจากโรงพยาบาลทันทีไม่รอรีที่จะเป็นอิสระ แต่ผมไม่น่าหนีออกมาเลย โรคร้ายนี้กลับยิ่งเป็นหนักขึ้น ๆ ผมยิ่งเกา มันก็ยิ่งติด และที่ร้ายหนักขึ้นไปอีก ตอนนี้ผมหิวแล้ว

                          “เพื่อนขอแบ่งอาหารกินหน่อยสิ”

                          “เฮ้ย เอ็งมาจากไหน ไม่ใช่ถิ่นนี้นี่หว่า” มันทั้งสองหันหน้าเข้ามามองหน้าผม พร้อมทั้งยกขาพร้อมจะกระโจนเข้าหาผม ผมถอยหลังแต่ไม่หันหลังกลับ และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “พี่ผมหลงทางมา ไม่รู้ว่าแถวนี้ถิ่นพี่ ผมพึ่งจะหลุดออกมาได้ ขอแบ่งอาหารให้หน่อยนะ”    

                          “ไม่ได้ แค่นี้ก็ไม่พอกิน ไปหรือว่าเอ็งอยากหาเรื่องเจ็บตัว”

                          ผมเดินคอตก ผละออกจากที่นั่นอย่างเร็ว เพราะขืนผมยังอยู่มีหวังเป็นศพแน่ๆ

                          หลังจากนั้นผมก็เดินทางเรื่อยๆ ผ่านตรอกซอกซอย จนถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งมีสองข้างทางเป็นน้ำครำ สถานที่เรียกว่าสลัม ผมเดินผ่านไปบนสะพานไม้เก่าๆ เพื่อไม่ให้พลัดตกลงไป (แต่ถึงจะตกลงไปก็คงไม่ทำให้สกปรกไปกว่านี้ ผมไม่ได้อาบน้ำมา 5 วันแล้ว นับตั้งแต่วันสุดท้ายที่อาบน้ำก่อนหลง)


                          “เฮ้ย ฟาง ดูไอ้ตัวนั้นสิ ขนสวยมากเลย”

                          “เออว่ะ สวยดีแต่โคตรสกปรกเลยอ่ะ สีขาวๆด่างๆนิดหน่อย” ผมกระดิกหางเพื่อให้ทั้งสองคนเมตตาสงสาร ผมทำอย่างที่เคยทำเมื่ออยู่บ้านเก่า แค่ผมเลียขานิดหน่อยอาหารก็จะเข้ามาสู่ปากอย่างรวดเร็ว

                          “เออ นี่ที่บ้านฉันมีโจ๊กอยู่ เมื่อวานซื้อมาให้พ่อ แต่พ่อไม่กลับมากิน เอาให้มันกินละกัน แต่ไม่รู้เสียหรือยังนะ ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องทิ้งให้เสียดาย”

                          “เออ หมามันธาตุแข็ง มันคงไม่ท้องเสียตายหรอก”

                          “เฮ้อ เอาก็เอาวะ ดีกว่าไม่มีอะไรตกถึงท้อง จะตายเพราะกินขี้แตกตาย กับอดตาย เอาแบบแรกก็แล้วกัน” ผมพูดอยู่ในใจ ถึงพูดออกไปเด็กสองคนก็คงฟังไม่ออกแน่นอน

                          ผมกินอย่างมูมมาม โดยลืมมารยาทเดิมที่ผมใช้ชีวิตอยู่เป็นประจำ หลังจากกินเสร็จ ผมก็เลียขาเด็กทั้งสองคนเพื่อขอบคุณ

                          “ตั้งชื่อมันว่าไงดี ฟาง” เด็กชายคนแรกถาม

                          “ตัวมันด่างๆ ชื่อไอ้ด่างแล้วกัน”

                          “เฮ้ย ไม่เอานะ ผมชื่อเดเนียล” ผมรีบตะโกนบอก แต่ทั้งสองคนก็คงไม่ได้ยิน

                          “เอาล่ะด่าง ไว้พรุ่งนี้ฉันจะมาหาใหม่นะ อย่าไปไหนไกลล่ะ” หลังจากพูดจบเด็กทั้งสองคนก็จากไป

                          แล้วคืนนี้ผมจะนอนตรงไหนดีล่ะ ผมเริ่มคิดถึงบ้านที่ผมเคยอยู่ ที่นอนที่มีฟูกมีมุ้งลวดป้องกันยุงที่จะมาตอมผมเวลาหลับนอน

                         “ถ้าไม่ใช่เพราะ เจ้ากอรี่ หมาตัวใหม่ของเจ้านาย เราก็คงไม่หนีออกมาอย่างนี้แน่ คิดผิดจริงๆเลยเรา เป็นหมาอยากตายจังเลย จะกลับไปก็กลับไม่ถูก โรคขี้อิจฉาเนี่ยไม่น่าเลยเรา”

                          คืนนี้ผมนอนอยู่ในซอกข้างๆถังขยะ กลิ่นโชยแรง แล้วเสียงหนึ่งก็ทำให้ผมตื่น

                          “ไอ้ชาติ ทำไมพึ่งกลับมา รู้ไหมว่าลูกๆมันนอนหมดแล้ว กลิ่นเหล้าหึ่งเลย ไปเลยไป ไปนอนกับหมาข้างนอกนั่นเลย”

                          “เฮ้ย จะให้ไปนอนกับหมาได้ไง มีที่นอนจะให้ไปนอนกับหมามันทำไม  เฮ้ยเปิดประตู”

                          เสียงเคาะประตูดังอยู่สักพักใหญ่ เสียงนั้นก็เงียบไป ชายที่ชื่อชาติ ก็มานั่งข้างๆ ผม ผมก็กระเถิบเพื่อให้มีที่ที่จะให้ชาตินอนข้างๆกัน (เป็นหมาใจดีครับ)

                          “เฮ้ย ชื่อไรวะแกน่ะ”

                          “ชื่อเดเนียลครับ”

                          “เออชื่อด่างเหรอ ข้าชาตินะ”

                          “เปล่าครับชื่อเดเนียล ไม่ใช่ด่างครับ”

                          “เออ ด่างเอ็งมาจากไหนไม่เคยเห็นหน้าแกเลย”

                          “ผมมาจากบ้านแถวสุขุมวิทครับ ซอยไรจำไม่ได้ครับ”

                          “เออ งั้นก็ขอต้อนรับสมาชิกใหม่แล้วกันนะ”

                          “ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

                          “เออ เอ็งอยากกินไรไหม”

                          “ครับอยากกินมากเลย เมื่อกี้โจ๊กไม่อิ่มครับ ปกติ ถ้าไม่อิ่มผมจะกระดิกหางขออยู่บ่อยๆ”

                          “โอ๊กๆๆๆๆ “ ชาติ อ๊วกออกมาเสียกองโต “เออแค่นี้คงพอเอ็งกินมั้ง ไอ้ด่าง”

                          “เฮ้ย ไม่เอา ผมไม่กินอ๊วกนะ”

                          “เออ พึ่งรู้ว่า ที่เค้าเรียกว่าหมาไม่แดก หมายความว่าไง” ชาติพูดพลางหัวเราะพราง

                          “เออ พี่ บ้าเปล่า”

                          “เออนี่ เมียข้าไม่ให้เข้าบ้านขอนอนด้วยหน่อยนะ เช้าแล้วข้าจะรีบเข้าบ้าน ไปจัดการนังแก่ข้างใน”

                          “เฮ้ย ไปเรียกเค้าว่านังแก่ ทีเมื่อกี้แหยเชียว”

                          “เออ เอ็งนี่น่ารักนะ ผิดกับเมียข้าจริงๆเลย” ชาติพูดพร้อมทั้งเอามือมาประคองผมไว้ในอ้อมกอด ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนเจ้านายอุ้มไม่ผิด ต่างกันแค่กลิ่นเหล้าที่ฟุ้งคลุ้งไปทั่ว

                          “ข้าไปกินเหล้ามา แค่นี้ไม่ยอมให้เข้าบ้าน เงินก็ให้ทุกวันไม่เคยขาด แล้วมันจะเอาอย่างไรอีก”

                          “แล้วให้วันละกี่บาทล่ะ กินเหล้าอย่างงี้จะมีให้เหรอ”

                          “แต่ก่อนให้มันวันละ 200 บาท มันไม่เคยบ่นเลย เดี๋ยวนี้ให้วันละ 10 บาทมันบ่นไม่หยุดเลย”

                          “อ้าวให้ลดลงต่างกันอย่างงั้นมันก็ต้องบ่นสิ”

                          “แต่ก่อนข้ามีงานทุกวัน พอเศรษฐกิจตกสะเก็ดมันเลิกจ้าง ข้าก็ตกงานสิวะ มีให้วันละ 10 บาท ก็ดีถมไปแล้ว”

                          “เกิดเป็นหมาอย่างเอ็งดีเนอะ ไม่ต้องทำงานหาเงิน อยากกินอะไรก็หากินได้ ไม่ต้องเลือก”

                          “อะไรกัน ผมหากินเองไม่ได้นี่นา ผมก็อยากกินของดีเหมือนกันนะ เป็นคนสิดีอยากกินอะไร ก็เลือกหาใส่ปากเองได้ อยากไปไหนก็ไปได้ ไม่ต้องกลัวหลง”

                          “อยากเกิดเป็นหมาว่ะ” ชาติตะโกนดัง

                          “ผมก็อยากเกิดเป็นคนนะ” ผมตะโกนเห่าแข่ง

                          “เฮ้ย จะบ่นอะไรวะ คนเค้าจะนอน” พูดจบเศษขวดแก้วก็ขว้างมาที่กำแพงเฉียดหัวผมไปนิดหน่อย  ทำให้การสนทนาของเราหนึ่งคนหนึ่งตัวต้องหยุดลง เพราะชาติย้ายตัวเองพร้อมขวดเหล้าคู่กายหายลับตาไป


                          “เอ้ยด่าง เมื่อคืนเป็นไงบ้าง นอนอยู่นี่เองเหรอ” ฟางเอามือลูบหัว พร้อมทั้งหยิบลูกชิ้นส่งให้ผม 1 ลูก

                          “ขอบคุณครับ” ผมกระดิกหางให้ด้วยความรู้สึกดี (ถึงแม้จะไม่อิ่ม แค่ลูกเดียว)

                          “ฟางเราจะเอาอย่างไรกับด่างมันดี พรุ่งนี้เทศกิจจะมาจับหมาแถวนี้ ไงด่างมันก็คงต้องโดนจับไปด้วยแน่นอน”

                          “เฮ้ย อะไรกันนะ ไม่เอานะ ผมไม่อยากต้องกลายเป็นลูกชิ้น ลูกชิ้นเมื่อตะกี้เนื้อพวกเดียวกันไหมเนี่ย โธ่”

                          “เอางี้ไหม เอาไปไว้บ้านนายแล้วกัน ไว้ในบ้าน”

                          “เอ้ย ไม่ได้ ที่บ้านมีที่ที่ไหนกันเล่า บ้านนายก็ไม่มีแล้วบ้านฉันจะมียังไง”

                          “เอาไงดีล่ะ จะปล่อยมันไว้อย่างงี้เหรอ”

                          “อืม ตัวเรายังเอาไม่รอดเลย จะทำไงดี”

                          “โธ่ ไม่คิดช่วยกันหน่อยเหรอ”

                          “เอางี้ละกัน เอาไว้บ้านน้าก่อนไหม” เสียงหนึ่งซึ่งเหมือนเสียงสวรรค์ดังมาจากข้างหลังขณะที่ผมหันกลับไป คนนั้นคือชาติ นั่นเอง

                          “อ้าวแล้วน้าแดงไม่ว่าเอาเหรอครับ”

                          “ไม่ว่าหรอกน่า รับรอง”

                          “ขอบคุณครับ” เด็กสองคนพูดพร้อมกัน


                          “เอ็งมานี่เลยเจ้าด่างทำตัวให้เรียบร้อยนะ”  แล้วชาติก็พาผมเข้าบ้านไป

                          “ชาติ เอ็งเอาหมามาทำไมในบ้าน” แดงตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

                          “ก็มันเพื่อนข้านี่ นอนด้วยกันทั้งคืน เอ็งมีปัญหาอะไรเหรอ  เอาน่า ให้เทศกิจมันไปก่อน แล้วค่อยปล่อยมันไป”

                          “ก็ให้มันโดนจับไปสิ มันธุระกงการอะไรของเอ็ง แค่หมาตัวเดียว”

                          “หมาก็มีหัวใจนะครับ”

                          “นี่จะเห่า อะไรกัน” แดงตะโกนด้วยความฉุนเฉียว

                          “น่าแดงแค่วันเดียว พรุ่งนี้ก็จะปล่อยมันไป”

                          “ไม่ได้” แดงพูดพร้อมกับอาการคอตกของชาติ

                          “โธ่ ความหวังสุดท้าย เราจะต้องเป็นลูกชิ้นจริงๆเหรอเนี่ย”


                          ผมเดินไปเรื่อย ผ่านคลองหลังสลัม จะกระโดดน้ำตายดีไหมเนี่ย  ไม่เอาไม่อยากตายนี่นา จะตายทั้งทีต้องมีประโยชน์หน่อย เป็นลูกชิ้นเสียดีไหม ผมบ่นไปเรื่อยๆ

                          “อ้าว ด่าง ไม่ได้อยู่กับน้าชาติเหรอ”

                          “น้าชาติไม่รักษาสัญญานี่หว่า”

                          “โธ่เอ้ย จะไปหวังอะไรกับน้าชาติเค้า แค่ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย “

                          “ผมก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน โธ่เอ้ย  “

                          “อยากกลับบ้านจังเลย”

                          “เดเนียล” เสียงตะโกนดังมาแต่ไกล ผมหันพร้อมทั้งกระโดดลงจากมือของฟางที่ยังอุ้มผม เสียงที่คุ้นเคย ปอนายสาวของผม  แต่ผมก็ต้องชะงักเมื่อปออุ้มกอรี่ไว้แนบอก

                          “มานี่สิ เดเนียล”

                          “วางกอรี่ลงก่อนสิ” ผมเสนอข้อต่อรอง พร้อมทั้งส่ายหาง

                          “เดเนียลมานี่สิ กลับบ้านกัน”

                          “เอ็งไปแล้วสบายขึ้นเยอะเลยจะกลับมาทำไม” กอรี่พูด

                          “ไม่เอาล่ะ กลับบ้านดีกว่า เป็นหมาของปอสบายกว่าเยอะเลย”

                          ผมก้าวขาและเข้าไปเลียที่มือของปอ ที่วางกอรี่ลงแล้วจับผมขึ้นมาอุ้มแทน

                          “ไปเถอะกลับบ้านต้องอาบน้ำกันอีกเยอะเลย”


                          “บ๊าย บาย ด่าง โชคดีนะ “ ผมหันกลับมาพร้อมทั้งเห่าตอบให้เด็กสองคนที่ใจดีกับผม


                          (ครอบครัวที่อบอุ่นอยู่แล้ว อย่าทำตัวเองให้ตกต่ำ เพราะความไม่เข้าใจ จงมองคนที่ลำบากกว่าเรา)


      เรื่องล่าสุด ดอกไม้วันวาเลนไทน์
      http://www.dek-d.com/entertain/viewshort.php?id=10122
      เรื่องนี้แต่งเฉพาะกิจเลยนะสำหรับวันวาเลนไทน์ ลองไปอ่านดูนะครับ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×